การจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีโบราณมีมาตั้งแต่กรุงสุโขทัยเป็นราชธานี แต่มีเพียงพิธีพราหมณ์เท่านั้น จึงใช้ชื่อในครั้งนั้นว่า พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในเวลานั้น เมื่อถึงวันประกอบพระราชพิธี พระมหากษัตริย์เสด็จออกเป็นองค์ประธานฯ จนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องพิธีกรรมบางอย่าง คือ พระมหากษัตริย์มิได้ออกเป็นองค์ประธาน แต่ทรงมอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำแทน ส่วนองค์พระมหากษัตริย์นั้น จะทรงจำศีลเงียบเป็นเวลา 3 วัน และถือปฏิบัติจนกระทั่งสมัยอยุธยาตอนปลาย
เมื่อถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็มิได้ทรงละทิ้งพระราชพิธีนี้ เพียงแต่เปลี่ยนแปลงพิธีกรรมบางอย่าง คือ ผู้ที่ทำหน้าที่พระยาแรกนานั้น เป็นเจ้าพระยาพหลเทพ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงให้ผู้ที่ยืนชิงช้าถือตำแหน่งพระยาแรกนาอีกอย่างหนึ่ง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มพิธีเกี่ยวกับศาสนาพุทธเข้าไปด้วย แล้วเรียกว่า พระราชพิธีพืชมงคล และมีชื่อเต็มทั้งสองพระราชพิธี เรียกว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
สำหรับพระราชพิธีพืชมงคล ก็โดยนำข้าวเปลือกทั้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว และธัญพืชสำคัญๆ รวม 40 ชนิด ไปประกอบพระราชพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ก่อนนำไปทำพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญที่ท้องสนามหลวง ส่วนพระโคที่จะเข้าพิธีไถหว่านต้องคัดเป็นพิเศษ เพราะวัวในปัจจุบันนี้ (ถ้าไม่ได้เลี้ยงไว้เพื่อพิธีนี้ จะหาวัวที่เหมาะสมยาก) ได้มีการเสนอแนวความคิด “โคลนนิ่ง” วัวหรือโค เพื่อนำไปประกอบพระราชพิธีดังกล่าวนี้ด้วยแล้ว
อนึ่ง หากผู้เขียนจำไม่ผิด น่าจะเป็นยุคสมัยเผด็จการ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้หยิบยกและรื้อฟื้นพระราชพิธีดังกล่าวขึ้นมาอีก โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดำเนินการเป็นประจำทุกปีตลอดมา และเนื่องจากพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีการเพื่อความเป็นสิริมงคลและบำรุงขวัญเกษตรกร จึงมีการพิมพ์ธนบัตรพระราชพิธีแรกนาขวัญขึ้น ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ธนบัตรไถนา”
ก่อนอื่นขอกระซิบเบาๆ ว่าใครมีธนบัตรไถนา โปรดเก็บไว้ ถือเป็นสมบัติหรือมรดก ที่จะยกให้กับลูกหลาน มันประมาณค่ายาก เพราะตามราคาซื้อขายหรือประมูลแต่ละครั้งมันมากกว่าราคาธนบัตรหลายสิบเท่าเชียวแหละ
ลักษณะพื้นสีเหลือง กรอบและลายสีน้ำเงิน มีครุฑอยู่ด้านบนมุมซ้าย และช้างสามเศียรอยู่ด้านล่างมุมขวา ตรงกลางด้านบนมีอักษร “รัฐบาลสยาม” และ “สัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ผู้นำธนบัตรนี้มาขึ้นเป็นเงินตราสยาม” ด้านหลังเป็นรูปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ขนาด 7.5 Î13.5 ซ.ม.
ประกาศใช้ 21 กรกฎาคม 2468
ลายเซ็น 1. ศุภโยคเกษม (พ.ศ.2468-2470)
ธนบัตรไถนา มีตั้งแต่ชนิดราคา 1 บาท 5 บาท 10 บาท 20 บาท 100 บาท และ 1,000 บาท ชนิดราคามี 2 รุ่น รวม 6 ชนิดราคา มี 12 รุ่น หรือ 12 แบบ ซึ่งแต่ละแบบแต่ละรุ่น จะต่างกันที่สี ราคา วันประกาศใช้ และลายเซ็น รวมทั้งบางรุ่นมีการปรับปรุงภาษาที่ใช้ด้วย
นอกจากจะมีธนบัตรไถนาแล้ว แสตมป์ หรือตราไปรษณียากรก็มี แสตมป์ไถนากับเขาด้วยเหมือนกัน งานพระราชพิธีสำคัญๆ เช่นนี้ต้องมีไว้เป็นที่ระลึกแน่นอน แต่ทว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทย (หรือบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ในปัจจุบัน) ได้ออกแสตมป์ชุดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญให้กับชุด 100 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อ 1 เมษายน พ.ศ.2535 ในหนึ่งชุดมี 4 แบบ 4 สี ราคาหน้าดวง 2 บาท 3 บาท 4 บาท และ 5 บาท ซึ่งเป็นชุดแสตมป์ที่พิมพ์จากประเทศออสเตรเลีย
ในสมัยโบราณก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น ตำแหน่งพระยาแรกนาขวัญ ผู้ทำหน้าที่ในการไถ และหว่านเมล็ดลงในแปลงนาพระราชพิธี พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เสนาบดีกระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้ทำหน้าที่นี้ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ส่วนของการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญนี้ยังเหมือนโบราณราชประเพณีทุกอย่าง แต่ในส่วนของพระยาแรกนา และเทพีได้มีการเปลี่ยนแปลงด้วย เหตุของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง และตำแหน่งหน้าที่ของเสนาบดีกระทรวงเกษตราธิการ คือ พระยาแรกนา ผู้ทำหน้าที่นี้ได้แก่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เทพีผู้ทำหน้าที่นี้ได้แก่ ข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นโทขึ้นไป (หรือซี 6 ขึ้นไป) และต้องเป็น สตรีโสด สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น
เจ้าผู้ปกครองน่าจะได้สนีบสนุนให้เยาวชนของไทยได้ชมการถ่ายทอดสดพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ส่วนพ่อก็จะได้แอบชมเทพีคู่หาบเงินหาบทอง ที่ว่าเป็นโสดด้วยไงละขอรับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น