วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม

ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการลงทัณฑ์ทหารขาดหนีราชการ พ.ศ.๒๕๒๘

โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงหลักเกณฑ์การลงทัณฑ์ทหารขาดหนีราชการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงออกข้อบังคับนี้ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑. ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการลงทัณฑ์ทหารขาดหนีราชการ พ.ศ.๒๕๒๘"
ข้อ ๒.ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ ๓.ให้ยกเลิก
๓.๑ ข้อบังคับทหารที่ ๕/๙๑๐๓/๒๔๗๕ ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๗๕ ว่าด้วยระเบียบการ ลงอาชญาทหารขาดหนีราชการ
๓.๒ คำสั่งทหารที่ ๒๑๙/๑๓๙๑๘ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๗๙ เรื่องแก้ข้อบังคับ ทหาร ฯ
๓.๓ คำสั่งทหารที่ ๔๖/๒๔๗๔ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๘ เรื่องแก้ข้อบังคับ ทหาร ฯ
๓.๔ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยระเบียบการลงอาชญาทหารขาดหนีราชการ (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ.๒๕๐๒
บรรดาข้อบังคับ ระเบียบ และคำสั่งอื่นใด ในส่วนที่มีกำหนดไว้แล้วในข้อบังคับนี้ หรือซึ่งขัด หรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
ข้อ ๔. ในข้อบังคับนี้
๔.๑ "ทหาร" หมายความว่า ทหารกองประจำการตามกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหาร
๔.๒ "ทัณฑ์" หมายความว่า ทัณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
๔.๓ "ในเวลาไม่ปกติ" หมายความว่า ในเวลาที่มีการรบ สถานะสงคราม หรือประกาศใช้ กฎอัยการศึก
๔.๔ "ในเวลาปกติ" หมายความว่า เวลาอื่นที่มิได้มีการรบ สถานะสงคราม หรือประกาศใช้ กฎอัยการศึก
๔.๕ "ขาดราชการ" หมายความว่า ขาดจากหน้าที่ราชการดังต่อไปนี้
๔.๕.๑ ขาดไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง ต่อหน้าราชศัตรู หรือ
๔.๕.๒ ขาดไม่ถึง ๓ วัน ในเวลาไม่ปกติ หรือ
๔.๕.๓ ขาดโดยมิได้รับอนุญาตหรือเมื่อพ้นกำหนดอนุญาตลาในเวลาปกติยังไม่ถึง ๑๕ วัน
๔.๖ "หนีราชการ" หมายความว่า ขาดจากหน้าที่ราชการดังต่อไปนี้
๔.๖.๑ ขาด ๒๔ ชั่วโมง ต่อหน้าราชศัตรู หรือ
๔.๖.๒ ขาด ๓ วัน ในเวลาไม่ปกติ หรือ
๔.๖.๓ ขาดโดยมิได้รับอนุญาต หรือเมื่อพ้นกำหนดอนุญาตลาในเวลาปกติ ๑๕ วัน หรือ
๔.๖.๔ ขาดโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงจากราชการ ตามคำสั่งให้เคลื่อนกำลังทหารทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ ไปจากที่ตั้ง หรือคำสั่งเรียกระดมพล
ข้อ ๕. การลงทัณฑ์ตามข้อบังคับนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาสั่งลงทัณฑ์ได้แต่ละครั้งที่ขาดราชการ หรือหนีราชการตามเกรณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้ แต่ต้องไม่เกินอัตรากำหนดทัณฑ์สูงสุด ตามกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
ข้อ ๖. การนับครั้งขาดราชการหรือหนีราชการ และการคำนวณวันลงทัณฑ์ ให้ถือเกณฑ์ดังนี้
๖.๑ ถ้าหนีราชการให้นับครั้งเฉพาะในการหนีราชการ
๖.๒ ถ้าขาดราชการให้นับครั้งหนีราชการรวมกับครั้งที่ขาดราชการด้วย
๖.๓ การขาดราชการไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง ในเวลาปกติไม่ให้นับเป็นครั้ง และไม่ต้องลงทัณฑ์ ตามข้อบังคับนี้
๖.๔ การคำนวณวันลงทัณฑ์ ถ้ามีเศษของวันให้ตัดออก
ข้อ ๗. ทหารซึ่งขาดราชการหรือหนีราชการในเวลาปกติ ให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติดังต่อไปนี้
๗.๑ ขาดราชการแล้วกลับเอง ครั้งที่ ๑ ทำทัณฑกรรมไม่เกิน ๓ วัน ครั้งที่ ๒ ขัง กึ่งจำนวนวันที่ขาดราชการ ครั้งที่ ๓ และครั้งต่อ ๆ ไป ขังเท่าจำนวนวันที่ขาดราชการ
๗.๒ หนีราชการแล้วกลับเอง ครั้งที่ ๑ จำขัง ๑ ใน ๔ ของจำนวนวันที่หนีราชการ ครั้งที่ ๒ จำขัง กึ่งจำนวนวันที่หนีราชการ ครั้งที่ ๓ และครั้งต่อ ๆ ไป จำขังเท่าจำนวนวันที่หนีราชการ
๗.๓ ขาดราชการหรือหนีราชการแล้วถูกจับตัวส่งถ้าต้องมีผู้ติดตามจับตัวส่งหรือเจ้าพนักงาน จับตัวส่ง ให้ลงทัณฑ์สองเท่าของอัตราที่กำหนดไว้ใน ๗.๑ หรือ ๗.๒ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๘. ทหารซึ่งขาดราชการในเวลาไม่ปกติ ให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติดังต่อไปนี้
๘.๑ ครั้งที่ ๑ ขังเท่าจำนวนวันที่ขาด
๘.๒ ครั้งที่ ๒ ขังสองเท่าของจำนวนวันที่ขาด
๘.๓ ครั้งที่ ๓ และครั้งต่อ ๆ ไปให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาลงทัณฑ์ขังตามสมควรแก่ความผิด แต่ทัณฑ์ที่จะลงต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในข้อ ๘.๒
ข้อ ๙. ทหารซึ่งหนีรา๖การในเวลาไม่ปกติ ให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติดังต่อไปนี้
๙.๑ ครั้งที่ ๑ ไม่เกิน ๓๐ วัน ถ้ากลับเองให้ลงทัณฑ์จำขัง เท่าจำนวนวันที่หนีถ้าถูกจับตัว ส่งให้ลงทัณฑ์จำขังสองเท่าของจำนวนวันที่หนี
๙.๒ ครั้งที่ ๑ เกินกว่า ๓๐ วัน หรือครั้งที่ ๒ ให้ผู้บังคับบัญชาส่งตัวผู้นั้นไปฟ้องศาล เว้นแต่จะมีเหตุอันสมควรได้รับความปรานีเป็นกรณีพิเศษ ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา สั่งลงทัณฑ์ตามสมควรแก่ความผิด แต่ทัณฑ์ที่จะลงต้องไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ใน ๙.๑
๙.๓ ครั้งที่ ๓ และครั้งต่อ ๆ ไป หรือหนีราชการโดยเจตนาจะหลีกเลี่ยงจากราชการ ตามคำสั่งให้เคลื่อนกำลังทหารทางบก ทางเรือ หรือทางอากาศ ไปจากที่ตั้งก็ดี ให้ ผู้บังคับบัญชาส่งตัวผู้นั้นไปฟ้องศาล
ข้อ ๑๐. ทหารซึ่งหนีราชการในกรณีต่อไปนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาส่งตัวไปฟ้องศาล
๑๐.๑ เมื่อคำนวณวันลงทัณฑ์จะต้องรับทัณฑ์จำขังเกินกว่า ๖ เดือน หรือ
๑๐.๒ หนีราชการไปแล้วมีข้อหาว่าได้กระทำความผิดในทาอาญาอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย
ข้อ ๑๑. ทหารซึ่งหนีราชการจนคดีขาดอายุความสำหรับความผิด ฐานหนีราชการแล้ว ให้ปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ หรือพ้นราชการทหารประเภทที่ ๒ แล้วแต่กรณี ตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารโดยไม่ต้องสั่งลงทัณฑ์ ความในวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับสำหรับผู้ซึ่งหนีราชการจนคดีขาดอายุความ สำหรับความผิดฐานหนีราชการแล้ว แต่ผู้บังคับชายังมิได้ดำเนินการลงทัณฑ์ หรือลงทัณฑ์แล้วแต่ผู้กระทำความผิดยังรับทัณฑ์ ไม่ครบกำหนดด้วย
ข้อ ๑๒. ทหารกองเกินหรือทหารกองหนุน ซึ่งเข้ารับราชการในการระดมพล ถ้าขาดราชการ หรือหนีราชการ ให้ลงทัณฑ์ตามข้อ ๕ ข้อ ๖ ข้อ ๗ ข้อ ๘ และข้อ ๙ โดยอนุโลม หากเข้ารับราชการในการเรียกพลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความ พรั่งพร้อม ถ้าขาดราชการหรือหนีราชการ ให้ลงทัณฑ์เช่นเดียวกับวรรคหนึ่ง แต่ไม่เกินกว่า ๓ เดือน แต่ถ้าหลีกเลี่ยง หรือขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารในการระดมพล หรือในการเรียกระดม พลเพื่อตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร เพื่อทดลองความพรั่งพร้อม อันเป็นความผิดต่อกฎหมาย ว่าด้วยการรับราชการทหารซึ่งต้องดำเนินคดีในชั้นศาล ผู้บังคับบัญชาจะลงทัณฑ์ตามข้อ บังคับนี้มิได้

ประกาศ ณ วันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๘

(ลงชื่อ) พลเอก ป. ติณสูลานนท์
(เปรม ติณสูลานนท์)
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม